วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555


เรื่องปฏิหารย์พระธาตุเสด็จการนิมิตสื่อบอก

ข้าพเจ้าเป็นผู้หนึ่งที่มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา
และองค์พระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ

จึงขอนำเรื่องราวบางส่วนที่เป็นเหตุและปัจจัย
ในการบูชาพระบรมสารีริกธาตุเพื่อเป็นการสืบสาน
พระพุทธศาสนาและเป็นพุทธานุสติสำหรับสาธุชนทั้งหลาย
บุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้เล่าเป็นวิทยานี้ ขอถวายแด่องค์
พระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุทุกพระองค์
ตราบเท่าก่อนเข้าสู่พระนิพพานเทอญ

ท่านสาธุชนทั้หลายสามารถอ่าน

ายละเอียดข้างล่างนี้ตาม









ภายหลังที่ข้าพเจ้าได้แบ่งบูชาพระบรมสารีริกธาตุ
สายพระโลหิตสีเขียวให้ญาติพี่น้องไป
ข้าพเจ้าก็พบว่าเมื่อเราบูชาท่านไปนานๆ
ก็พบว่าสันฐานของท่านองค์ใหญ่ขึ้น
และเพิ่มปริมาณมากขึ้นภายหลังที่
เราแบ่งให้ท่านอื่นไปบูชาแล้ว




ปฏิหารย์อีกประการหนึ่งที่ข้าพเจ้า
ได้พบขององค์พระบรมสารีริกธาตุ
ภาพนี้เป็นพระบรมสารีริกธาตุ
อีกหนึ่งสันฐานที่ท่านเจ้าอาวาส
วัดท่าการ้อง โปรดให้ข้าพเจ้า
ได้สักการะบูชา จากเดิม
ท่านเป็นสันฐานกลมใสสีขาว
แต่ปัจจุบันท่านแปรสภาพ
เป็นสีขาวบริสุทธิ์
ดั่งภาพต่อไปนี้





หลังจากนั้นข้าพเจ้าก็มีเหตุแห่งปัจจัย
ได้บูชาท่านต่ออนึ่งเพราะเกิดความเลื่อมใส
ในองค์พระบรมสารีริกธาตุจากญาติธรรมทั้งหลาย
ให้มาบูชาหรืออัญเชิญจากที่อื่นบ้าง







 
ภาพพระบรมสารีริธาตุ
ส่วนพระสมองที่ข้าพเจ้าได้บูชา










รวมถึงได้บูชาสมเด็จองค์ปฐมครั้งแรก
เป็นเหมือนดั่งทับทิมต่อมาไม่นาน
ภายหลังที่ข้าพเจ้าได้ฝึกสมาธิต่อไป
ไม่นานก็เห็นภาพสมเด็จองค์ปฐมปรากฏ
ในนิมิตภายหลังก็มีพระอาจารย์ท่านหนึ่ง
ส่งพระธาตุสมเด็จองค์ปฐมมาให้บูชา
เป็นองค์เล็กจำนวน ๒ องค์
ข้าพเจ้าก็แบ่งให้พี่สาวไปบูชา ๑ พระองค์
ต่อมาไม่นานก็นั่งมโนยิทธิ
เหมือนเห็นภาพหลวงพ่อพระฤาษีลิงดำ
ในท่ายืนหิ้วย่ามเดินมาหายื่นอะไร
ให้ก็ไม่ทราบเป็นองค์สีขาวๆองค์ใหญ่
อนึ่งในจิตข้าพเจ้าคิดว่าน่าจะเป็นพระธาตุ
แต่ก็ไม่อยากคิดไปเองว่าจิตปรุงแต่ง
ว่าพระบรมสารีริกธาตุท่านจะเสด็จมา

ต่อมาไม่นานก็มีญาติธรรมท่านหนึ่ง
ไม่ประสงค์ออกนามได้นำท่านมา
ให้บูชาองค์ใหญ่กว่าเดิม
ข้าพเจ้าก็ขอกล่าวโมทนาบุญ
กับท่านผู้นั้นด้วย

หลังจากที่ข้าพเจ้าได้ให้สมเด็จ
องค์ปฐมกับพี่สาวไปต่อมาไม่นาน
ก็ได้ท่านกับมาอีกจากพระอาจารย์
ท่านอื่น ทำให้ข้าพเจ้าคิดว่า
ข้าพเจ้าคงมีบุญสัมพันธ์กับ
สมเด็จองค์พระปฐมพระบรมศาสดา


คลิ๊กเพื่อดูภาพขนาดใหญ่

Name: 01032011065.jpg
Views: 100
Size: 98.7 KB
ID: 1414239 คลิ๊กเพื่อดูภาพขนาดใหญ่

Name: 01032011048.jpg
Views: 111
Size: 86.9 KB
ID: 1414242 คลิ๊กเพื่อดูภาพขนาดใหญ่

Name: 01032011057.jpg
Views: 122
Size: 81.5 KB
ID: 1414243





ข้าพเจ้าเชื่อเรื่องราวของพระบรมสารีริกธาตุ
และพระอรหันตธาตุในเรื่องปฏิหารย์ขององค์ท่าน
มีมากมายทั้งในเรื่องนิมิตบอกล่วงหน้าและอื่นๆ
ที่ข้าพเจ้าเคยพบกับประสพการณ์ของตนเองดังนี้


 ๑.เมื่อท่านจะเสด็จมาก็นิมิตล่วงหน้า
 ๒.บุคคลใดท่านไม่ศรัทธาท่านก็ทรงนิมิตบอก
 ๓.เมื่อเราทำคุณงามความดีท่านทรงรับรู้

 ปรากฏกลิ่นกลายหอม
 ๔.เสียงกระซิบเมื่อพระธาตุเสด็จ



คลิ๊กเพื่อดูภาพขนาดใหญ่

Name: 01032011051.jpg
Views: 141
Size: 94.9 KB
ID: 1414284 คลิ๊กเพื่อดูภาพขนาดใหญ่

Name: 01032011060.jpg
Views: 123
Size: 82.6 KB
ID: 1414285 คลิ๊กเพื่อดูภาพขนาดใหญ่

Name: 02032011114.jpg
Views: 119
Size: 71.9 KB
ID: 1414286






























































วันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

นิมิตพระพุทธเจ้า
ในนิมิต บางครั้งข้าพเจ้าก็เห็นพระภิกษุสงฆ์ ข้าพเจ้านั้นก็มักนิมิตบ่อยๆ
ในช่วงที่ปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง   บางครั้งก็เห็นหน้าพระพุทธองค์ลอยมาให้เห็น
แสงของพระองค์ท่านสว่างไสวและเจิดจ้ามากเหมือนพระอาทิตย์กำลังขึ้นส่องสว่าง
มีอุ่นภูมิร้อนเหมือนกันเหมือนพระอาทิตย์ขึ้น  ส่องมาหลายๆ ดวงๆ ทำให้ข้าพเจ้า

รู้สึกถึงความสว่างและอุณหภูมิในร่างกายขณะนั้นได้  แต่ก็มีอยู่หลายครั้ง
ก็เห็นตัวของข้าพเจ้าเองนั่งในท่าสมาธิในถ้ำบ่อยๆ บางทีก็นั่งปฏิบัติธรรม
สมาธิกับภิกษุสงฆ์ บางองค์ท่านก็เคย เคยพูดคุยกับข้าพเจ้าในนิมิตบ่อยครั้ง
บางครั้งก็เห็นคนปฏิบัติธรรมนุ่งห่มขาว ยื่นเป็นพลอยสีขาวให้กับข้าพเจ้า
ซึ่งมักมีอยู่หลายครั้งที่ข้าพเจ้าเองก็ไม่เข้าใจ ในนิมิตนั้นๆ ว่าทำไมจึงต้องนิมิต

เรื่องเหล่านี้บ่อยๆ  ในช่วงที่ปฏิบัติธรรมอย่างหนัก ไหว้พระสวดมนต์ 
แต่ก็ได้คิดว่า คงจะเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่อาจเพราะข้าพเจ้าอาจจะมีบุญ
สัมพันธ์กับท่านเหล่านั้นก็เป็นไปได้

ข้าพเจ้าคิดว่าทุกท่านสามารถ พบองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้
ทั้งทางในนิมิตฝัน หรือเวลาที่สมาธิอยู่หากได้ปฏิบัติจริงทุกท่านก็คงจะเคย
ได้สัมผัสท่านได้บ้างไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง  ข้าพเจ้าเป็นผู้หนึ่งที่ไม่ค่อยเชื่อ
เรื่องเหล่านี้จนได้มาพบกับตนเอง จึงได้เริ่มหันมาปฏิบัติธรรม
หลังจากหันมาปฏิบัติธรรมฝึกสมาธิ ทำให้ข้าพเจ้ามักจะนิมิตล่วงหน้า
ถึงสิ่งศักดิสิทธิ์มากขึ้น  หากทุกท่านได้ปฏิบัติสมาธิ ทุกท่านก็จะรับรู้ได้
ด้วยตัวของท่านเอง

นิมิตน้ำพุทธมนต์
เหมือนตัวเองอยู่ในถ้ำบ้างในท่านั่งสมาธิบ้าง บางครั้งก็นิมิตเหมือนกับตัวเองได้
ไปที่เหมือนวัดหรือถ้ำสถานปฏิบัติธรรมแล้วไหว้พระพุทธรูป อยู่ดีก็นั่งสมาธิใน
ท่าขัดสมาธิ มีพลังงานคลื่นลูกใหญ่มาครอบคลุมตัวเอง ขยับตัวไม่ได้ ตัวเองเคลื่อน
ที่หมุนเป็นลูกข่าง เป็นลักษณะวงกลม ในนิมิตก็ไม่รู้ว่าที่เกิดขึ้น เพราะอะไรกันแน่
แต่จิตรู้ตัวเองว่ามีพลังงานควบคุมอยู่ หลังจากนั้นก็เห็นมีพระภิกษุสงฆ์ท่านเดินมาหา

และเฆี่ยนด้วยหวายอาคม ซักพักท่านก็นำน้ำมนต์มาให้เราดื่ม แล้วถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง
ซักพักข้าพเจ้าก็หายจากพลังงานควบคุมนั้น แล้วข้าพเจ้าก็สะดุ้งตื่นจากนิมิตนั้น

นิมิตแห่งพระหัตถ์

นิมิตต่อไปที่ข้าพเจ้าได้สัมผัส เหมือนกับได้ไปไหว้พระพุทธรูป ห่มผ้าจีวรองค์
ผ้าพุทธรูปและทำบุญต่างๆ ในวัดนั้น ต่อมามีพระภิกษุสงฆ์รูปหนึ่ง ท่านก็มีอายุมากแล้ว
บอกให้ข้าพเจ้าไปไหว้พระภิกษุสงฆ์อีกรูปหนึ่ง ในวัดที่อยู่โบสถ์ถัดไป ข้าพเจ้าก็ทำตาม
แล้วเดินตามไป ในนิมิตเห็นพระภิกษุรูปนั้นท่านงดงามมาก ดูเหมือนทรงเนื้อนาบุญ
ดูจากภายนอกอายุท่านก็ไม่มากแต่ดูช่างงดงาม ควรแก่การกราบไหว้ท่านและสักการะ


ข้าพเจ้าจึงเกิดความเลื่อมใสในองค์ท่าน จึงก้มลงกราบ ในนิมิตข้าพเจ้านึกได้ว่า
ถ้าเราได้นั่งสมาธิกับผู้เป็นเนื้อนาบุญ จะช่วยส่งเสริมให้เรามีบารมีตามท่าน
ปฏิบัติสมาธิได้ดีขึ้น ในนิมิตข้าพเจ้าจึงนั่งอยู่ตรงข้ามกับท่าน ข้าพเจ้าจึงหลับตา
นั่งสมาธิต่อหน้าท่าน ต่อมาอยู่ดีๆ ข้าพเจ้าก็มีพลังงานสูงเคลื่อนที่
ลงมาสู่ร่างกายข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเหมือนถูกกระแสอะไรเดินเข้ามา
ภายในร่างกาย พร้อมกันนั้นข้าพเจ้าขยับตัวไม่ได้ ลืมตาก็ไม่ขึ้น
แต่จิตข้าพเจ้ายังรับรู้อยู่ในจิตข้าพเจ้าบอกว่า ข้าพเจ้าไม่ไหวแล้ว
รับพลังงานคลื่นนั้น ไม่ไหวแล้ว ซักพักข้าพเจ้า เหมือนมีความรู้สึก
เหมือนมีใครมา วางมือเหนือศีรษะของข้าพเจ้า และลูบถ่ายพลังงาน
เหนือศรีษะของข้าพเจ้า ส่งผ่านบริเวณข้างสันจมูกข้างแก้มทั้งสองไหล
ผ่านลงสู่ ด้านล่างร่างกายของข้าพเจ้า หลังจากนั้นข้าพเจ้าจึงรู้สึกดีขึ้น
แล้วก็สะดุ้งตื่นจากนิมิตดังกล่าว แต่ความรู้สึกเหมือนมีใครมาสัมผัสเรานั้น
ยังอยู่และดูเหมือนจริงมากแต่ข้าพเจ้าก็ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร

นิมิตหลวงปู่พระธรรมสิทธาจารย์
( วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร จังหวัดเชียงใหม่ )
ข้าพเจ้าได้นิมิตเหมือนไปวัด ที่ใดที่หนึ่งก็ไม่ทราบ เห็นในโบสถ์วัดมีการตั้งพิธีรูป
พระภิกษุสงฆ์และดอกไม้ในโบสถ์ ข้าพเจ้าก็ไม่ทราบว่ามาทำอะไรที่นี่เหมือนกัน
แล้วข้าพเจ้าก็สะดุ้งตื่นจากนิมิตสุด ท้ายข้าพเจ้า ได้มีโอกาสได้เดินทางไป
จังหวัดเชียงใหม่ และไปทำบุญกับญาติๆ ที่วัดพระสิงห์ วรมหาวิหาร จังหวัดเชียงใหม่
และได้เห็นภาพพระภิกษุสงฆ์รูปนั้นเหมือนในนิมิต มีดอกไม้ประดับประดาในโบสถ์
พร้อมที่บรรจุพระศพของท่าน ได้มีพระภิกษุรูปหนึ่งท่านเป็นพระเลขา ท่านบอกกับ
ข้าพเจ้าว่า “ ภาพภิกษุท่านนั้น คือ ท่านเจ้าอาวาส หลวงปู่พระธรรมสิทธาจารย์
( วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร จังหวัดเชียงใหม่ ) ท่านมรณะภาพแล้ว ยังไม่ได้ทำพิธี
พระราชทานเพลิงศพ ต้องรอองค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ท่านมาทำพิธีให้แก่ท่าน ”
ดังนั้นข้าพเจ้า จึงเข้าใจว่า นิมิตที่ข้าพเจ้าเห็นนั้น คือ ท่านเจ้าอาวาส วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร
 จังหวัดเชียงใหม่นั่นเอง ข้าพเจ้าจึงเชื่อว่า ถ้าปฏิบัติธรรมก็อาจจะนิมิตเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า หรืออาจจะไปในที่ที่ยังไม่เคยไปมาก่อน จิตเราอาจจะไปสถานที่นั้นก่อนในนิมิต และภายหลังก็อาจจะมีเหตุให้เราต้องไปในสถานที่นั้นในอนาคตก็ได้
ส่วนเรื่องเข้าเฝ้าพระพุทธองค์
ข้าพเจ้าก็เคยสมาธิจนจิตนิ่ง
กึ่งหลับกึ่งตื่นซักพักก็ปรากฏ
เป็นภาพเฉพาะพระพักตร์
เศียรของพระพุทธองค์
มองลงมามีแสงสว่างออร่า
ของพระพุทธองค์ส่องลงมา
พอข้าพเจ้าอธิษฐานจิต
ขอบารมีรับแสงทิพย์อริยทรัพย์
ของพระพุทธองค์มากขึ้น
ก็ปรากฏแสงเจิดจ้าจนข้าพเจ้า
ในนิมิตตาสู้แสงพระพุทธองค์ไม่ได้
พระองค์ทรงสว่างเหมือนพระอาทิตย์
ขึ้นสว่างเหมือนสิบสิบดวง
อุณหภูมิในร่างกายเริ่มค่อยสูงขึ้น
จนร้อนสุดท้ายข้าพเจ้าก็บอกพระองค์ว่า
พอแล้วลูกรับรู้ถึงพระองค์แล้ว
แต่ข้าพเจ้าไม่ได้เห็นพระองค์เต็มองค์
เห็นแต่พระเศียรพระองค์แต่องค์ใหญ่มาก
บางครั้งข้าพเจ้าก็ไม่ค่อยเข้าใจในเรื่องต่างๆ
เหล่านี้นักว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่เป็นเหตุการณ์
ที่เกิดขึ้นจริงกับตัวข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่า
ท่านผู้อ่านคิดว่าฟังดูเหมือนเรื่องโกหก
แต่มันก็เกิดขึ้นจริงจากการปฏิบัติ
ข้าพเจ้าเองก็ไม่แน่ใจในเรื่องต่างๆ
ที่เกิดขึ้นกับตนเองมากนัก
ที่รู้แน่ข้าพเจ้าก็มีวิบากมากมาย




ไม่ว่าเรื่องชีวิตคู่ ครอบครัว ญาติพี่น้อง
โดยเฉพาะเรื่องหน้าที่การงานไม่ประสพผลสำเร็จ
ขึ้นๆ ลงๆ ก็เลยหันมาปฏิบัติธรรมเหมือน
คนอื่นๆ ที่ต้องการพ้นทุกข์ จนกระทั่งได้ยินเสียงจาก
เบื้องบนให้เราสร้างบารมี ทั้งๆที่ข้าพเจ้ามีความทุกข์
เช่นกัน แต่คิดว่าต้องทำเพราะ เสียงนั้นสั่งเราลงมา
จากเบื้องบนก้องกันวาลเป็นเสียงชายหนุ่ม
บอกว่าให้เราสร้างบารมี เราถามท่านว่า
ท่านเป็นผู้ใดท่านก็ไม่ยอมตอบ
แต่ด้วยเนื่องจากเป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็น
จึงต้องทำต่อข้าพเจ้า จึงได้เริ่มทำซีดีแจกจ่าย
เป็นธรรมทานเพื่อเป็นการสืบสานพระพุทธศาสนา
โดยนำความรู้จากการปฏิบัติด้วยตนเอง
พร้อมทั้งศึกษาเพิ่มเติมไปในตัวด้วย
ให้เกิดประโยชน์กับผู้อ่านสำหรับผู้ปฏิบัติมือใหม่
จะนำไปใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด
และอ้างอิงจากตำราครูบาอาจารย์ต่างๆได้
เนื่องจากข้าพเจ้าไม่มีทุนทรัพย์ในการสร้าง
โบสถ์วิหาร จึงได้ทำซีดีชุดนี้ออกมาแจกจ่าย
เป็นธรรมทาน " พุทธธรรมจากการปฏิบัติ "
 
เมื่อก่อนข้าพเจ้าก็เป็นแต่ผู้รับ มิได้เป็นผู้ให้
ได้รับพระผงจักรพรรดิ์จากญาติธรรมในพลังจิต
จนกระทั่งสวดพระคาถาพระบรมจักพรรดิ์ของหลวงปู่ดู่
และนำลูกแก้วของหลวงปู่มาช่วยในการฝึกสมาธิ
และแผ่เมตตาปรับภพภูมิให้กับสรรพสัตว์ทั้งหลาย
แลอธิฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ทำ

จนกระทั่งวันหนึ่งข้าพเจ้าก็เริ่มสัมผัสได้ว่า
เวลาเราทำบุญมีอะไรใสๆ โปร่งแสงลอยเข้ามา
หาเราข้าพเจ้าเห็นเช่นนั้น ตอนแรกเป็นลักษณะกลม
เหมือนมีหางพุ่งเข้าหาเรา ข้าพเจ้าไม่ทราบว่า คือ สิ่งใด
แต่ที่รู้แน่ๆ ว่าเมื่อเราแผ่เมตตาออกไปให้พวกเขา
เขาก็มารับแล้ว ก็ลอยจากไป
ข้าพเจ้าเป็นคนไม่ค่อยสนใจเรื่องการเมือง
มีอยู่คืนหนึ่ง ข้าพเจ้าเคยฝันนิมิตถึงไปสถานที่แห่งหนึ่ง
เหมือนบริเวณวัด มีผู้คนมากมายอยู่ที่นั่น เห็นภาพ
คุณจตุรงค์ ฉายแสง ถือหนังสือขึ้นมาหนึ่งเล่ม
กำลังจะทำแจกให้คนที่มาในงาน สักพักข้าพเจ้า
ก็เห็นภาพปกหนังสือเป็น คุณ สมัคร หน้าพุ่งออกมา
จากหนังสือ ในนิมิตข้าพเจ้างงมาก แต่นึกได้ในจิต
คุณสมัครเพิ่งเสียชีวิตจากโรคของท่าน
ข้าพเจ้าก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องนิมิต
ถึงมวลชนในงานศพของคุณสมัคร

คิดว่าสงสัยตัวเองจะบ้า ปกติข้าพเจ้าอยู่เขตปริมณฑล
ไม่ค่อยได้เข้าเมือง จนกระทั่งวันหนึ่งได้เข้าเมือง
ยืนรอรถไฟฟ้าอยู่ก็เห็นภาพที่บอกเหมือนดวงจิต
กลมๆ มีหางลอยเต็มไปหมดบริเวณที่ยืนรอรถไฟฟ้า BTS
ข้าพเจ้าเหมือนมีความรู้สึกบางอย่างน่าจะเป็น
ดวงวิญญาณอะไรสักอย่าง หรืออาจจะเป็นผู้เสียชีวิตบริเวณนั้น

จึงอธิฐานจิตว่าหากท่านต้องการรับบุญกุศล
ขอได้โปรดจงรับบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติ
สิ่งที่ข้าพเจ้าเห็น น่าตกใจ เห็นเป็นดวงจิต
ข้าพเจ้ายืนอยู่ แต่ดวงจิตทุกดวงวิ่งพุ่งหาข้าพเจ้า
เป็นสายหลายสาย ข้าพเจ้าจึงแผ่เมตตาออกไป

เมื่อเขาทั้งหลายได้รับแล้วก็จึงจากไป
ข้าพเจ้าจึงคิดว่าสิ่งที่ข้าพเจ้านิมิต
เรื่องคุณ สมัคร การเมืองหน้าจะมาจาก
ให้ข้าพเจ้ามาแผ่เมตตา ณ สถานที่แห่งนั้น

แต่สิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าสัมผัสได้
เมื่อข้าพเจ้านั่งในรถไฟฟ้า
หลับตาสมาธินิมิตที่แห่งนั้น
เป็นแสงสีออร่าสีแดงเข้ม
ซึ่งข้าพเจ้าเคยศึกษาว่า
สีแดงเข้มของออร่า
คือ สีแห่งความเกียจชัง โกรธแค้น
ซึ่งข้าพเจ้าสัมผัสได้ ข้าพเจ้าคิดว่า
สิ่งเหล่านี้จึงเป็นที่มาจากการปฏิบัติ
หลังจากนั้นไม่นาน ข้าพเจ้าก็มีโอกาสรู้จัก
กับพระอาจารย์วัดถ้ำเมืองนะ และเพื่อนกัลยานิมิตร
ให้แจกพระผงจักรพรรดิ์ ก่อนที่ข้าพเจ้าจะได้แจกนั้น

ถึงแม้ว่าข้าพเจ้าไม่เคยนิมิตหลวงปู่ดู่
แต่มีอยู่วันหนึ่งสมาธิข้าพเจ้าเห็นภาพ
พระพุทธนิมิต ( พระจักรพรรดิ์ )
ท่านอยู่สูงมากจากนิมิตมองลงมา

ข้าพเจ้าคิดว่าสิ่งนี้ กระมังที่ทำให้
ข้าพเจ้าจึงได้ต้องเป็นผู้ให้
โดยได้รับให้แจกพระผงจักรพรรดิ์
กับลูกแก้วจักรพรรดิ์ด้วยความบังเอิญ

ข้าพเจ้าคิดว่าสิ่งนี้อาจจะเป็นสิ่งที่เบื้องบน
ต้องการให้ข้าพเจ้าทำบุญกุศลสร้างทานบารมี
จากสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นนี้ก็เป็นได้










                                            

ส่วนเรื่องแดนนิพานข้าพเจ้าก็ยังไม่แน่ใจ
เคยมีพี่ทีปฏิบัติบอกว่าเมื่อสมาธิเรานิ่ง
สามารถอธิฐานจิตสิ่งที่เราอยากเห็น
อยากรู้ได้ด้วยตัวเราเอง สามารถพบสิ่งศักดิสิทธิได้
ข้าพเจ้าก็ไม่แน่ใจก็พยายามอธิฐานตลอด

จนมีอยู่วันหนึ่งข้าพเจ้าสมาธิจนจิตนิ่ง
เห็นแสงสีนวลระยิบระยับ อยู่ก็เห็นแสงส่องลงมา
เป็นจุดเล็กๆ จากเบื้องบนนั้น
ข้าพเจ้าเองก็อยากรู้ว่าสิ่งนั้น
คือ อะไรจึงอธิฐานจิตว่า
ข้าพเจ้าอยากรู้ขอให้ข้าพเจ้าเห็นชัด
กว่านี้ได้หรือไม่ ซักพักเหมือนตัวเอง
ถูกดูดขึ้นไปผ่านชั้นบรรยากาศเป็นหมอกๆ
แต่ละชั้น แต่กว่าผ่านแต่ละชั้นก็ค่อนข้างเหนื่อยมาก
เหมือนมีอยู่หลายชั้น จนทะลุขึ้นมาด้านบนสุด
ข้าพเจ้าตกใจ เห็นภาพนิมิต
สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี
ในถ้านั่งสมาธิสงบหลับ ผิวพรรณท่านผุดผ่อง
มีจรัส ท่านห่มจีวรสีส้มอมน้ำตาล
เหมือนพระธุดงค์ ข้าพเจ้าในจิต
คิดดีใจปลาบปลื้ม
องค์สมเด็จโตใช่ไหมค่ะ ?
ทำไมชีิวิตหนูลำบากอย่างนี้
ข้าพเจ้าคิดว่าที่นั่น
อาจจะเป็นแดนนิพพาน
ก็เป็นได้ ควรจะละกิเลส
หรือความคิดทางโลก
หรือไม่ก็ข้าพเจ้ายังฝึกสมาธิไม่ดีพอ
ซักพักข้าพเจ้าก็ตกหล่นลงมาอย่างรวดเร็ว
มาสู่จิตที่เดิมในห้องที่สมาธิอยู่
ไม่เหมือนกับตอนขึ้นไปใช้เวลา
และความพยายามากค่ะ
ข้าพเจ้าคิดว่าส่วนหนึ่งที่ได้พบท่าน
อาจจะเพราะว่าข้าพเจ้าก็สวดมนต์
พระคาถาชินบัญชรของท่านเหมือนกัน
ทุกอย่างที่เล่ามาโปรดใช้วิจารณาญาณ
และการปฏิบัติของทุกท่านเองถึงจะ
พิสูจน์ได้ด้วยตัวของท่านเอง



การฝึกสมาธิทำให้สามารถสัมผัสพลังคุณ


















วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

การฝึกสมาธิทำให้พบสิ่งศักดิสิทธิ์จากนิมิตและการเสด็จประทับทรง

เริ่มจากที่พี่สาวของข้าพเจ้าฝันว่าเขาเห็นผลึกสีเขียวมรกตมาปรากฏ
และไม่แน่ใจว่าได้รับมาจากใคร  มันสามารถขยายขนาดได้
ในความฝันก็มีข้าพเจ้าร่วมอยู่ด้วย พี่สาวบอกกับข้าพเจ้าว่าจะแบ่งองค์ท่าน
ไปให้คนอื่นบูชา  พี่สาวเธอเข้าใจว่าข้าพเจ้ามีองค์พระบรมฯสัณฐานสีเขียว
ดั่งมรกต  แล้วเธอก็โทรมาหาถามว่ากับข้าพเจ้ามีองค์ท่านหรือไม่

ข้าพเจ้าตอบกลับเธอว่า   ข้าพเจ้าไม่มีพระบรมสารีริกธาตุสันฐานสีเขียว
เพราะข้าพเจ้าไม่มีสัณฐานนี้แน่นอน โดยปกติสัณฐานนี้ก็หายากเหมือนกัน
จากนั้นอีกสองวันต่อมาข้าพเจ้าก็นิมิตฝันว่า เราเห็นพระภิกษุสงฆ์รูปหนึ่ง
ท่านนั่งในถ้าทรงญาณสมาธิในถ้ำไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร แล้วเราก็สะดุ้งตื่น
ลุกเข้าห้องน้ำ อเดินกลับมานอนต่อก็นิมิตฝันแบบนี้อีกครั้ง

หลังจากนั้นก็เห็นองค์พญานาค พระพักตร์ของท่านเหมือนองค์พญานาค
ตามทางเดินขึ้นพระธาตุดอยสุเทพ  พระเนตรของท่านมีสีแดงกล่ำ 
สักพักก็เห็นองค์เทพผู้หญิงอินเดียห่มผ้าสาหลีสีแดง ข้าพเจ้าเอง
ก็ไม่แน่ใจว่าองค์ท่านเป็นใคร ว่าเป็นพระแม่ลักษมีหรือพระแม่อุมาเทวี
ข้าพเจ้าเองก็เหมือนกลึ่งหลับกลึ่งตื่นทำท่าทางเหมือนรำถวายองค์เทพ

อะไรทำนองนั้น   แล้วเราก็สะดุ้งตื่นขึ้นอีกครั้งหลังจากนั้น

พี่สาวก็โทรมาถามว่าข้าพเจ้าอีกครั้งว่า  ข้าพเจ้ามีองค์พระบรมสารีริกธาตุ
หรือไม่ในสันฐานดังกล่าว   พี่สาวถามว่าองค์พระบรมฯเสด็จมาหรือไม่
ข้าพเจ้าบอกว่าข้าพเจ้าไม่มี    แต่ข้าพเจ้าเกิดความสงสัยว่าที่เป็นผลึก

เหมือนอัญมณีสีเขียวอาจจะเป็นพลอยพญานาคหรือเพชรพญานาคก็ได้

จึงเข้าไปหาความรู้ในเว็บต่างๆ  เพื่อหาความรู้พบว่าสีเหมือนมรกต
มีพลอยพญานาคท่านมี ๙  สี แต่ล่ะสีมีความหมายไม่เหมือนกัน
แล้วแต่ผู้ทรงญาณในระดับต่างๆ แต่ล่ะสีก็เปรียบเหมือนแต่ล่ะวรรณะ
แต่ผู้ที่ได้ครอบครองแล้วแต่ผู้มีบุญหรือทรงญานเท่านั้น
ข้าพเจ้ารู้ว่าปกติไม่มีผู้ใดรแจกพลอยพญานาคให้ฟรี  เพราะในวงการ

วัตถุมงคลแร่ธาตุกายสิทธิ์   ส่วนใหญ่จะทำการให้เช่าบูชายกเว้น
แต่ใครบังเอิญไปพบเกจิอาจารย์ที่ท่านมีอยู่แล้วมีบุญร่วมกันนำมาให้บูชา

ข้าพเจ้าจึงตอบพี่สาวไปว่าข้าพเจ้าไม่มีเพราะมีราคาสูงเหมือนกันแล้ว
สีที่เขานิมิตก็หายากเช่นกัน  มีอยู่ ๒ สี คือสีเขียวมรกตกับสีฟ้าหรือสีคราม

สีเขียว  มีความหมายเปรียบเหมือนผู้ปฎิบัติชั้นพรหม นักปฏิบัติที่ดีและมีบารมี
สีฟ้า     มีความหมายเปรียบเหมือนวรรณะกษัตริย์ผู้ได้ครอบครองคิดว่า
น่าที่จะต้องมีฐานะดี  ตามประวัติของเพชรพลอยพญานาค 

ซึ่งข้าพเจ้าได้ทำการค้นคว้าอ่านในเว็บต่างๆ  แต่ด้วยความข้าพเจ้าได้
เหล็กไหลเพลิงมาจากเพื่อนกัลยานิมิตในเว็บพลังจิต  ทำให้ข้าพเจ้าเลย
ศึกษาความรู้ด้านเหล็กไหลเพลิง  ทำให้ทราบว่าเหล็กไหลเพลิงเป็นเหล็กไหล
ชนิดหนึ่ง  ซึ่งเหล็กไหลมีด้วยการหลากหลายแบบ   มีหลายสีหลายแบบ
เหล็กไหลเกิดจากพระเกจิอาจารย์หรือภิกษุสงฆ์ท่านที่ไปปฎิบัติทรงญานแล้ว
ถึงระดับสูงแล้วเมื่อท่านคิดจะละสังขารก็จะถอดกายทิพย์หรือจิตวิญญาณ
ของท่านอยู่ที่ถ้ำที่ท่านปฏิบัติเลยกายเป็นเหล็กไหลเหล็กไหล

แต่ละสีเกิดจากผู้ทรงญานแต่ละระดับไม่เท่ากันและจะมีองค์อริยเทพ
หรือเทวดาอารักษ์แต่ละที่ไม่เหมือนกันเพราะพวกท่านชอบผู้ที่ปฎิบัติเลย
ต้องพิทักษ์รักษาหินเหล็กไหล ดังนั้นแต่ล่ะสีจึงมีเทวดาอารักษ์ไม่เหมือนกัน 
ข้าพเจ้าเลยนำเหล็กไหลมาดูก็พบว่าเป็นสีน้ำตาลแดงเข้ม  ซึ่งข้าพเจ้า
เคยอ่านพบว่าจะมีองค์พระนาคาพญานาคพิทักษ์รักษาเหล็กไหลชนิดนี้  
ทำให้ข้าพเจ้าก็เข้าใจว่าที่ฝันนิมิตนั้นคือองค์พญานาคท่านนั่นเอง

แต่พี่สาวข้าพเจ้านิมิตข้าพเจ้ายังไม่ค่อยเข้าใจต่อมามีอยู่วันหนึ่ง
ข้าพเจ้ามีความรู้สึกว่าพี่ชายและพี่สะใภ้ของข้าพเจ้าอยากมาที่ห้องพัก
ของข้าพเจ้า   วันนั้นพี่สาวก็มาด้วย   มาค้างตั้งแต่วันเสาร์ พวกเรานัดกัน
ว่าจะไปเดินห้างกันวันอาทิตย์  แต่เรากับมีความรู้สึกว่าพี่ชายอยากมา
ที่ห้องพักของข้าพเจ้าก่อน  ข้าพเจ้าก็เลยโทรไปถามพวกเขา
เขาก็ตอบว่าใช่พวกเขาอยากแวะมาที่ห้องของข้าพเจ้าก่อน 
อยากชมบารมีองค์พระบรสารีริกธาตุที่ห้องของข้าพเจ้าก่อน
ข้าพเจ้าก็ตอบตกลงกับพี่ชายไป

ส่วนพี่สาวเธอก็เอาธาตุกายสิทธิ์ชนิดหนึ่งมาฝาก
เธอบอกว่าได้จากพระภิกษุรูปหนึ่งเขาเรียกว่าคตหินหอย
มีสรรพคุณ เรียกทรัพย์ได้  พี่สาวบอกว่าให้ลองนำธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้

วางไว้บนมือข้างซ้ายแล้วรับสัมผัสว่าเรารู้สึกอย่างไร  ข้าพเจ้าก็ลองตาม
ที่บอกแล้ว เหมือนพบว่าจะดิ้นได้เองในมือสักพักก็เหมือนโดนไฟฟ้าดูดนิดๆ
กระตุกเข้าเส้นที่แขนข้างซ้าย แล้วค่อยๆวิ่งเข้าไปในแขนถึงขั้วหัวใจ
พอสัมผัสไปสักพักก็รู้สึกหัวใจเต้นแรงขึ้น หลังจากนั้นตอนสายพี่ชายของ

ข้าพเจ้ากับพี่สะใภ้พวกเขาก็มาที่ห้องพัก

ปรากฎว่าพี่สาวให้เขาทั้งสองทดสอบดูเช่นกัน ตอนแรกที่พวกเขา
เข้ามาในห้องพักของข้าพเจ้า  เขาบอกว่าได้กลิ่นน้ำอบไทยหอมอบอวล
ถามว่าฉีดน้ำหอมอะไรหรือเปล่า ข้าพเจ้าบอกว่าเปล่าฉีดน้ำหอม
พี่สาวเขาก็ได้กลิ่นตอนกลางคืนวันเสาร์เขาก็มีถาม
ข้าพเจ้าก็บอกว่า ข้าพจ้าได้กลิ่นมาสองสามวันแล้ว 
แต่ก็ค่อยไม่แน่ใจเห็นแฟนบอกว่าข้าพจ้าคิดมาก เราก็บอกว่าหน้า
จะเป็นกลิ่นขององค์พระบรมฯ หรือไม่ก็กลิ่นขององค์เทพ
ตอนนั้นพี่สาวเราเขาก็ขนลุกเหมือนกัน
พี่ชายกับพี่สะใภ้เรา พวกเขาก็รับสัมผัสได้ในวันอาทิตย์เช่นกัน
ก็ขนลุกเหมือนกัน  พอถึงตอนข้าพเจ้าอัญเชิญองค์พระบรมฯ
เสด็จลงมาให้ชมกันนั้น  แต่ยังไม่ได้ทำการเปิดผอบ ซักพักพี่สะใภ้
ก็เกิดอาการน้ำตาไหลไม่ยอมหยุด  พี่ชายถามพี่สะใภ้ว่า
" ถึงกับร้องให้เลยหรือเว่อร์ไปหรือเปล่า " หลังจากนั้น 
ข้าพเจ้าก็เปิดให้พวกเขาชมบารมีขององค์พระบรมฯ
ข้าพเจ้ามีอยู่สันฐานหนึ่งที่หายากแต่ไม่ได้เขียนอะไรกำกับไว้
เพราะคนที่ให้มาท่านบอกไว้ว่า สันฐานนี้หายากมาก
พี่ชายของข้าพเจ้าก็ดูทุกองค์แล้วอยู่ดีดีเขาก็บอกว่า
สัณฐานนี้เหมือนโลหิตจริงที่ยังไม่ได้แปรสภาพข้าพเจ้า
ก็เลยบอกว่าใช่หายากด้วยคนที่ให้มา เขาก็บอกมาอย่างนั้น

หลังจากที่เราชมบารมีท่านกันเสร็จแล้ว อยู่ดีๆ พี่ชายก็เกิดอาการขึ้น
กับตัวเองตาแดงกล่ำเสียงสั่นเครือ แล้วบอกว่ามีความรู้สึกอยากบูชา
องค์ท่านมากๆๆๆๆ  เราเริ่มรับรู้ได้ว่าท่านจะเสด็จไปด้วยต้องการแบ่ง
ให้เขาบูชาเพื่อเข้าใจในพระพุทธศาสนาและต้องการให้เขาเจริญใน
ทางธรรมและการปฏิบัติ

ปกติพี่ชายของข้าพเจ้าเขาไม่เคยสวดมนต์เลย   ข้าพเจ้าเลยบอกว่า
ถ้าฉันแบ่งให้บูชา   เธอต้องหมั่นปฏิบัติดีชอบสวดมนต์ภาวนา
สัญญาได้ไหมกับองค์ท่าน เหมือนท่านต้องการให้ข้าพเจ้า 
บอกเขาแบบนี้สักพักข้าพเจ้าเองก็ขนลุกทั่วตัว พร้อมกับที่จะยื่น
ให้เขาบูชา เหมือนท่านรับทราบในขณะนั้น พี่ชายเขาก็รับปาก
ข้าพเจ้าถามพี่ชาย คุณรู้สึกอย่างไร

พี่ชายก็บอกว่า บอกไม่ถูกเหมือนกัน มันมีความรู้สึกปลาบปลื้มตื้นตัน
ขึ้นมาเฉยๆๆๆ  เขาไม่ได้อยากร้องไห้ในขณะนั้น แต่เขากับมีอาการ
อยากร้องไห้เองรวมถึงอาการสั่นขนลุกทั่วตัว แล้วก็มีความรู้สึกว่า
มีแรงพลักดันอะไรบางอย่าง ให้เขาต้องเอ่ยปากขอองค์กับท่าน 
เพื่อไปสักการะบูชา ดังนั้นข้าพเจ้า จึงต้องแบ่งองค์พระบรมฯ
ท่านเสด็จไปให้พี่ชายของข้าพเจ้า ได้ทำการสักการะบูชาองค์ท่าน

หลังจากนั้นพี่สาวของข้าพเจ้าได้นำคตหินหอย  มาให้พี่สะใภ้
สัมผัสบ้าง  ก็ปรากฏว่าเธอหลับตาเห็นเหมือนถ้ำหินขนาดใหญ่
เธอบอกว่าเห็นภาพเหล่านั้น  ทำให้ข้าพเจ้าเกิดคิดขึ้นมาว่า
อยากให้เธอลองสัมผัสเหล็กไหลบ้าง เพราะอาจจะบอกอะไร
ได้บ้างดังนั้น  จึงนำเหล็กไหลมาให้เธอสัมผัส ครั้งแรกเธอสัมผัส
เหล็กไหลเพลิงบอกว่าร้อนมาก  ข้าพเจ้าใส่ไป ๑ องค์

เธอตั้งสติใหม่  และลองให้วางในฝ่ามือเธอใหม่  เธอหลับตา
คราวนี้ข้าพเจ้าลองใหม่ใส่ไป ประมาณ ๓ - ๔ องค์
ก็เลยปรากฏภาพให้เธอเห็นในนิมิตเธอ บอกว่าเธอเห็นชายหนุ่ม
รูปงามใส่ชุดสีเขียว  มีหญิงสาว ยืนข้างอีก ๒ ท่าน  ที่อยู่นั้น
เหมือนเป็นถ้้ำมีหินสีเขียวเป็นผลึกเต็มไปหมด  พวกเราถามว่า
ชายหนุ่มนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร  ซักพักเธอบอกว่าชายหนุ่มนั้น
พระพักตร์เปลี่ยนไปกลายเป็นเศียรพญานาค ลูกนัยตาแดงกล่ำ
เหมือนเศียรพญานาคเหมือนบันได้ทางเดินพระธาตุดอยสุเทพ
ซักพักเธอก็หมดสติลง  ก้มหน้าลงและเงยหน้าหลับตาทำมือ
เป็นสัญลักษณ์อะไรบางอย่างน้ำเสียงก็เปลี่ยนไป

และสักพักพี่สะใภ้ เธอก็ตัวสั่นน้ำเสียงเธอ เปลี่ยนไปการพูดจากเดิม
เหมือนผู้ชายหนักแน่นมีพลังเธอบอกว่าของดีนะ ให้บูชาให้ดีเรา
เลยถามว่าบูชาอย่างไรค่ะ

เธอบอกว่าบูชาด้วยดอกไม้ธูปเทียน พวกเราถามว่าต้องถวายอะไร

ท่านหรือไม่   เธอตอบว่าไม่ต้อง แล้วก็ดุเรา บอกว่าดอกไม้ธูปเทียนก็พอ
ตอนแรกข้าพเจ้าเองก็ไม่ได้มีความรู้อะไรเกี่ยวกับบูชาธาตุกายสิทธิ์
หรือเหล็กไหลเพลิง  แต่ก็คิดว่าถ้าเป็นเหล็กไหลเพลิงคงจะร้อน

และกลัวว่าถ้าบูชาไม่ดีอาจจะเกิดอัคคีภัย ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ก็เลยบูชาองค์ท่านไว้ใกล้กับองค์พระบรมสารีริกธาตุ เพื่อให้ท่านดูแล
รักษาบ้านเรือนของข้าพเจ้า  เพราะคิดว่าหน้าจะถูกต้อง แต่สุดท้ายมัน
ก็ไม่ถูกต้อง เพราะบารมีขององค์ท่าน ยังไม่เท่ากับองค์พระสัมมา
สัมพุทธเจ้า บรมศาสดาทางพุทธศาสนาเพราะฉะนั้นต้องแยกองค์ท่าน
ออกจากองค์พระบรมฯจากการสอนสั่งขององค์พญานาคราช

พี่สาวข้าพเจ้าถามองค์ท่านว่า ต้องบูชาธูปกี่ดอกท่านบอกว่า ธูป ๕ ดอก
แล้วก็บอกว่าให้แยกองค์ท่าน ออกจากบริเวณ องค์พระบรมสารีริกธาตุ
เราก็ถามว่าแยกอย่างไรค่ะ ท่านก็บอกว่าจะตั้งโต๊ะบูชาใหม่ก็ได้
พวกเราทุกคนต่างก็ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยไม่ได้ทันตั้งตัว

องค์ท่านบอกบูชาให้ดี อยากขออะไรก็ให้ขอ แต่อย่าให้โกรธ
พี่สาวเราถามต่อไปว่า " อย่าให้ใครโกรธหรือค่ะ "

ท่านก็บอกว่า " ทั้งองค์ท่านและข้าพเจ้ามิฉะนั้นก็เสียหายวิบักได้ "
พวกเราทุกคน ก็กลัวเหมือนกันซักพักพี่สะใภ้ ก็สลบก้มหน้าลง
พวกเราต่างช่วยกันเช็คหน้าให้เธอ สักพักท่านก็ประทับใหม่

และบอกให้เราหมั่นสวดมนต์ภาวนา ปฎิบัติธรรมทำไว้แล้วจะดี
ตอนหลังองค์ท่านถึงเสด็จกลับ  คิดว่าเป็นปฏิหาร์ยครั้งแรกในชีวิต

ของพวกเราซึ่งทุกคนต่างก็ได้พบเห็นกับตาของตัวเองด้วยตาเนื้อ
มิใช่ตาทิพย์  หลังจากนั้นวันรุ่งขึ้น ข้าพเจ้าก็เลยตั้งโต๊ะบูชาให้องค์ท่าน
เพื่อเสด็จประทับนับแต่วันนั้นเป็นต้นมา

เราทุกคน ก็เลยตอบโจทย์ได้ว่า ที่เรารู้สึกเหมือนท่านอยู่ใกล้เรา
ท่านอยู่กับเราจริง มิใช่เป็นเพียงแค่นิมิตหรือคิดไปเอง
โดยที่เราเองให้พีสะใภ้เป็นสื่อในการรับรู้กับองค์ท่าน
เพราะคิดว่าที่เรานิมิต ท่านคงจะต้องการสื่ออะไรบางอย่างกับเรา

และพวกเราก็รู้คำตอบจากองค์ท่านพญานาค
รวมถึงพุทธานุภาพขององค์พระบรมสารีริกธาตุ
สิ่งศักดิสิทธิและปฏิหาร์ยที่เกิดขึ้นกับตนเอง



ดังนั้นทำให้ข้าพเจ้าหาข้อสรุปได้ดังนี้


นิมิตของพี่สาวคือผลึกถ้ำขององค์ท่าน
พระนาคาที่เรานิมิตอยู่ในเหล็กไหลเพลิง
นั้นคือคำตอบทั้งหมด

สีเขียวมรกตเป็นผลึกก็คือถ้ำขององค์ท่าน
ส่วนที่ข้าพเจ้าฝันนิมิตองค์พญานาค
ก็คือท่านพิทักษ์เหล็กไหลเพลิง

ครูบาอาจารย์ในถ้ำคงปฎิบัติธรรม
สร้างสมบุญบารมีในถ้ำนั้น และละสังขารอยู่ถ้ำนั้น

แต่ที่ข้าพเจ้ายังมีเรื่อง สงสัยองค์ที่ประทับในตัวพี่สะใภ้อีก
องค์ท่านเป็นใคร เราไม่ทราบว่าท่านเป็นใคร

แต่ข้าพเจ้าสงสัยว่าอาจเป็นองค์เทพ ท่านน่าจะเป็นเทพผู้หญิง
ไม่ใช่พระแม่ลักษมี ก็อาจจะต้องเป็นพระแม่อุมา

แต่เราก็ไม่กล้าหาคำตอบ เพราะพวกเราไม่กล้าถามกับพี่สะใก้ต่ออีก
กลัวเธอจะเป็นอันตราย เพราะยังไม่ได้รับขันธ์หรือครอบครู
จากครูบาอาจารย์ จึงต้องมองคุณค่าของชีวิตเป็นสำคัญ




                   เหล็กไหลเพลิง       

 

                        คตหินหอย