วันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ประวัติพระอรหันตธาตุ
พุทธสาวกสมัยกึ่งพุทธกาล

พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต



วัดป่าสุทธาวาสอ.เมือง จังหวัดสกลนคร ชาติกำเนิดและชีวิตปฐมวัย
ท่านกำเนิดในสกุลแก่นแก้ว บิดาชื่อคำด้วง มารดาชิ่อจันทร์
กิดวันพฤหัสบดี เดือนยี่ ปีมะแม ตรงกับวันที่ ๒๐ เดือนมกราคม พ.ศ. ๒๔๑๓
ณ บ้านคำบง ตำบลโขงเจียม อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี
มีพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน ๗ คน ท่านเป็นบุตรคนหัวปี ท่านเป็นคนร่างเล็ก
ผิวดำแดง แข็งแรงว่องไว สติปัญญาดีมาแต่กำเนิด ฉลาดเป็นผู้ว่านอนสอนง่าย
ได้เรียนอักษรสมัยในสำนักของอา คือ เรียนอักษรไทยน้อย อักษรไทย อักษรธรรม
และอักษรขอมอ่านออกเขียนได้

เมื่อท่านอายุได้ ๑๕ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรในสำนักบ้านคำบง

ครั้นบวชแล้วได้ศึกษาหาความรู้ทาง พระศาสนา มีสวดมนต์และสูตรต่างๆ
ในสำนักบรรพชาจารย์ จดจำได้รวดเร็ว เพราะเอาใจใส่ในการ เรียนดี
ประพฤติปฏิบัติเรียบร้อย เป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจได้ เมื่อท่านอายุได้ ๑๗ ท่าน
ได้ลาสิกขาออกไป ช่วยงานบิดามารดา เมื่อลาสิกขาไปแล้วยังคิดที่จะบวชอีก
อยู่เสมอไม่เคยลืมเลย อีกอย่างหนึ่ง เพราะติดใจในคำสั่งของยายว่า  
“เจ้าต้องบวชให้ยาย เพราะยายก็ได้เลี้ยงเจ้ายาก”

ครั้นอายุท่านได้ ๒๒ ปี ท่านเล่าว่า มีความอยากบวชเป็นกำลัง
จึงอำลาบิดามารดาบวช ในสำนักท่าน อาจารย์เสาร์ กันตสีลเถระ
วัดเลียบ เมืองอุบล จังหวัดอุบลราชธานี ได้รับอุปสมบทกรรมเป็นภิกษุภาวะ
ในพระพุทธศาสนา ณ วัดศรีทอง(วัดศรีอุบลรัตนาราม) อำเภอเมือง
จังหวัดอุบลราชธานี พระอริยกวี (อ่อน) เป็นพระอุปัชฌายะ มี พระครู
สีทา ชยเสโน เป็นพระกรรมวาจาย์

และพระครูประจักษ์อุบล คุณ (สุ่ย) เป็นพระอนุสาวนาจารย์
เมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๓๖ พระอุปัชฌายะขนานนามมคธ
ให้ว่า ภูทตฺโต ได้กลับมาสำนักศึกษาวิปัสสนาธุระ กับ พระอาจารย์เสาร์
กันตศีลเถระ ณ วัดเลียบ ได้ศึกษาข้อปฏิบัติเบื้องต้น

 อันเป็นส่วนแห่งพระวินัย คือ อาจาระ ความประพฤติมารยาท อาจริยวัตร
แล้วอุปัชฌายวัตร ปฏิบัติได้เรีบยร้อยดี จนเป็นที่ไว้วางใจของพระอุปัชฌาจารย์
และได้ศึกษาข้อปฏิบัติ อบรมจิตใจ คือ เดินจงกลม นั่งสมาธิ สมาทานธุดงควัตร
ต่างๆ ในกาลต่อมา ได้ลงไปพักจำพรรษาที่ วัดปทุมวนาราม กรุงเทพฯ อีก ๑ พรรษา
แล้วไปเชียงใหม่กับ เจ้าพระคุณอุบาลีฯ (สิริจันทรเถระ จันทร์)
จำพรรษาวัดเจดีย์หลวง ๑ พรรษา แล้วออกไปพักตามที่วิเวกต่างๆ
 ยังเกียรติคุณของท่าน ให้ฟุ้งเฟื่อง เลื่องลือไป








ธุดงควัตรที่ท่านถือปฏิบัติเป็นอาจิณ ๔ ประการ
 

๑.ปังสุกุลิกังคธุดงค์ ถือนุ่งห่มผ้าบังสกุล

๒.บิณฑบาติกังคธุดงค์
ถือภิกขาจารยวัตร เที่ยวบิณฑบาตมาฉันเป็นนิตย์
 
๓.เอกปัตติกังคธุดงค์
ถือฉันในบาต ใช้ภาชนะใบเดียวเป็นนิตย์
 
๔.เอกาสนิกังคธุดงค์ ถือฉันหนเดียวเป็นนิตย์

ปัจฉิมบท
ในวัยชรา นับตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๘๔ เป็นต้นมา ท่านหลวงปู่มั่น มาอยู่ที่
จังหวัดสกลนคร ณ เสนาสนะป่า บ้านนามน ตำบลตองโขบ อำเภอเมือง
(ปัจจุบัน เป็นอำเภอโคกศรีสุพรรณ) ครั้น พ.ศ. ๒๔๘๗ จึงย้าย ไปอยู่
เสนาสนะป่าบ้านหนองผือ ตำบลนาในอำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร
จนถึง ปีสุดท้ายของ ชีวิตตลอดเวลา ๘ ปี ในวัยชรานี้ ท่านได้เอาธุระ
อบรมสั่งสอนศิษยานุศิษย์ทางสมถวิปัสสนาเป็นอันมาก

เมื่อท่านมีอายุย่างขึ้น ๘๐ ปี ท่านเริ่มอาพาธเป็นไข้ศิษย์ผู้อยู่ใกล้ชิด
ได้เอาธุระรักษาพยาบาลไปตาม กำลังความสามารถอาพาธก็สงบไปบ้าง
เป็นครั้งคราว ครั้นเมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๒ได้นำท่านมา
พักที่ วัดป่าสุทธาวาส มาถึงวัด เวลา ๑๒.๐๐ น. เศษ ครั้นถึงเวลา ๐๒.๒๓ น.
ของวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ศกเดียวกัน

ท่านก็ถึงแก่มรณภาพด้วยอาการสงบ สิริชนมายุของท่านอาจารย์ได้ ๗๙ ปี
๙ เดือน ๒๑ วัน รวม ๕๖ พรรษา ธรรมโอวาท คำที่เป็นคติ อันท่านอาจารย์
กล่าวอยู่บ่อยๆ ๑. ดีใดไม่มีโทษ ดีนั้นนับว่าเลิศ ๒. ได้สมบัติทั้งปวง
ไม่ประเสริฐเท่าได้ตน เพราะตัวตนเป็นที่เกิดแห่งสมบัติทั้งปวง








   





ไม่มีความคิดเห็น: