ที่มาของการฝึกมโนยิทธิ
(เนื่องจากหลวงพ่อพระฤาษีลิงดำมาโปรดในนิมิต )
เมื่อข้าพเจ้าได้เริ่มปฏิบัติสมาธิใหม่ๆ นั้น มีอยู่วันหนึ่งข้าพเจ้าได้ นิมิตเหมือนตัวเองได้
อยู่ในถ้ำแห่งหนึ่งและได้นั่งสมาธิอยู่ในที่นั้นก็ได้เห็นพระภิกษุสงฆ์รูปหนึ่งท่านเดินเข้ามาหา
ภาพที่ปรากฏเป็นพระภิกษุสงฆ์ท่านมีอายุมาก หน้าตาท่านใจดีมาก ยิ้มแย้มแจ่มใส
ขณะที่ท่านเดินเข้ามาหาข้าพเจ้าท่านสะดุดก้อนหิน ก้อนหนึ่งท่านกำลังจะล้มลง
มิควรถูกท่าน แต่ด้วยในจิตคิดเป็นห่วงกลัวท่านจะล้มลง จะไปประคองท่าน
ท่านบอกว่า ข้าพเจ้าตกใจ กลัวท่านจะหกล้ม จะไปประคองท่านทั้งที่รู้ว่าข้าพเจ้าเป็นสตรี
“ ไม่ต้อง ท่านไม่ล้มหรอก ท่านเดินเองได้ ” แล้วท่านก็เดินเข้ามาหาข้าพเจ้า ข้าพเจ้านั่ง
คุกเข่าลงพนมมือลงกราบท่านด้วย ความเป็นห่วง ท่านก็กล่าวต่อว่า “ ตั้งใจปฏิบัติ ”
และท่านก็เอามือของท่านวางไว้เหนือศีรษะของข้าพเจ้า พร้อมกับบริกรรมพระคาถา
“ อิติ สัมมาสัมพุทธัสสะ มะมะ จิตตัง นิมิตจิตติ นิมิตจิตตา นิพพานจิตติ นิพพานจิตตา
ขีณาสวา อนิยตา และนิพพานสุขัง ”
แล้วท่านก็บอกว่า “ ปู่่ไม่ใช่พระ ปู่เป็นฤาษี ปู่เป็นฤาษีนะ ” แล้วท่านก็ยิ้มให้กับข้าพเจ้า
ในใจข้าพเจ้าก็ยังสงสัย และงงอยู่เหมือนกันว่า ทำไมท่านเรียกตัวท่านเองว่าเป็นฤาษี
ทั้งๆที่ท่านก็ไม่ได้ใส่ชุดพระฤาษี แต่ท่านก็ห่มจีวรพระ ในนิมิตข้าพเจ้าก็พยายามจำพระคาถา
ของท่าน แต่พอเมื่อท่านหายไป ก็สะดุ้งตื่น จำได้แค่ “ นิมิตจิตติ นิมิตจิตตา นิพพานจิตติ
นิพพานจิตตา ” อะไรทำนองนี้
รู้ว่าท่านบริกรรมพระคาถายาว แต่ข้าพเจ้าจำได้เพียงเท่านั้นหลังจากนั้นข้าพเจ้าก็สงสัยว่า
ท่านเป็นผู้ใด ก็หาความรู้เพิ่มเติมในเรื่องที่นิมิต แล้วก็พบว่า ในบรรดาพระภิกษุสงฆ์ที่ท่าน
เรียกตัวท่านเองว่า พระฤาษี ก็มีเพียงพระราชพรหมยานเท่านั้น ที่เรียกว่า
“ หลวงพ่อพระฤาษีลิงดำ ” ภาพที่ข้าพเจ้าเห็นท่านเหมือนในนิมิต และพระคาถาที่
ข้าพเจ้าได้ท่องจำเหมือนกับของหลวงพ่อพระฤาษีลิงดำ ซึ่งทำให้ข้าพเจ้ายิ่งมั่นใจ
มากขึ้นว่า คงจะเป็นท่านที่มาสอนสั่งข้าพเจ้าในนิมิตนั้นต่อจากนั้นข้าพเจ้าก็อธิฐานจิต
หากเป็นหลวงพ่อพระฤาษีลิงดำ ท่านได้มาโปรดสอนสั่งลูก ก็ขอให้ข้าพเจ้าได้ชานหมาก
หรือพระธาตุของหลวงพ่อไว้บูชาด้วยเถิด หากข้าพเจ้ามีบุญ
สัมพันธ์กับหลวงพ่อ หลังจากนั้นไม่นานข้าพเจ้าก็ได้ข่าวจากญาติธรรมผู้หนึ่งว่าจะนำ
ท่านมาให้บูชาเป็นชานหมากและเส้นพระเกศาของหลวงพ่อพระฤาษีลิงดำ ข้าพเจ้าได้
ยินข่าวนั้นก็ปลาบปลื้มใจยิ่งนักว่าจะได้บูชาชานหมาก และเส้นพระเกศาของท่าน
ก่อนที่ท่านจะเสด็จมานั้น มีอยู่วันหนึ่งข้าพเจ้าได้ยินเสียง เหมือนท่านมาปลุกให้ตื่น
ท่านบอกว่า “ ตื่นเถอะลูก ตื่นได้แล้ว ” กระซิบอยู่ข้างหูของข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าก็สะดุ้งตื่น
แล้ววันนั้นข้าพเจ้าก็ได้ชานหมากของหลวงพ่อพระฤาษีลิงดำของท่านจำนวน ๓ องค์
พร้อมเส้นพระเกศาของท่าน ๑ เส้น ต่อมาไม่นานก็มีญาติธรรมท่านอื่นส่งชานหมาก
ของท่านมาให้อีก ๑ องค์ แต่ที่หน้าแปลกใจ คือ เมื่อข้าพเจ้าบรรจุท่านใส่ผอบเรียบร้อยแล้ว
เมื่อไม่นานมานี้ ท่านก็เสด็จมาเองอีก ๑ องค์ รวมเป็น ๕ องค์ ข้าพเจ้าจึงเชื่อเรื่อง
นิมิตที่เกิดขึ้นว่าต้องเป็นหลวงพ่อท่าน มาโปรดสอนสั่งข้าพเจ้าในนิมิต และเชื่อในเรื่อง
ของพระอรหันต์ ท่านสามารถเสด็จไปที่ไหนก็ได้ ท่านจะเสด็จไป เมื่อใดก็ได้เหมือนดัง
ชานหมากของท่านที่เสด็จมาเพิ่มกับข้าพเจ้าอีก ๑ องค์

หลังจากนั้นข้าพเจ้าก็ได้เริ่มฝึกมโนยิทธิด้วยตัวเอง
ตามคำสอนของอาจารย์ท่านหนึ่งมาสอนไว้
โดยกล่าวอัญเชิญ พระเข้าตัวก่อนฝึกปฏิบัติ
รับแสงทิพย์อริยทรัพย์ด้วยวิํีธีการดังนี้
เพื่อจะได้ฝึกมโนยิทธิได็เร็วขึ้นตามที่
เคยมีผู้แนะนำข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงลองนำมาฝึกและทำตามดังนี้
อัญเชิญพระพุทธเจ้า ๗ พระองค์มาสถิตย์ในกาย
เปลี่ยนคำบริกรรมภาวนา หายใจเข้า
“ นะมะ พะธะ ” หายใจออก “ นะโม พุทธายะ ”
ภาวนาไว้ตลอดเวลา ขณะที่อัญเชิญพระพุทธองค์เข้ากาย
ขออัญเชิญพระวิสุทธิพุทธรังสี ผู้เป็นใหญ่
ในแดนพระนิพพาน มาประทับบนกลางกระหม่อมของข้าพเจ้า
ขออัญเชิญพระพุทธเจ้า สมเด็จองค์ปฐม พระสิขีทศพลที่ ๑
พระพุทธเจ้าองค์แรกของโลก มาประทับที่ระหว่างคิ้วทั้งสองของข้าพเจ้า
จะบังเกิดตาทิพย์ ตาปัญญา ตาใน พุทธจักร พระอุณาโลม
ซึ่งเป็นทางเข้าและทางออกของกระแสจิต ญาณทวาร มโนทวาร
นำทางกลับบ้าน
(เนื่องจากหลวงพ่อพระฤาษีลิงดำมาโปรดในนิมิต )
เมื่อข้าพเจ้าได้เริ่มปฏิบัติสมาธิใหม่ๆ นั้น มีอยู่วันหนึ่งข้าพเจ้าได้ นิมิตเหมือนตัวเองได้
อยู่ในถ้ำแห่งหนึ่งและได้นั่งสมาธิอยู่ในที่นั้นก็ได้เห็นพระภิกษุสงฆ์รูปหนึ่งท่านเดินเข้ามาหา
ภาพที่ปรากฏเป็นพระภิกษุสงฆ์ท่านมีอายุมาก หน้าตาท่านใจดีมาก ยิ้มแย้มแจ่มใส
ขณะที่ท่านเดินเข้ามาหาข้าพเจ้าท่านสะดุดก้อนหิน ก้อนหนึ่งท่านกำลังจะล้มลง
มิควรถูกท่าน แต่ด้วยในจิตคิดเป็นห่วงกลัวท่านจะล้มลง จะไปประคองท่าน
ท่านบอกว่า ข้าพเจ้าตกใจ กลัวท่านจะหกล้ม จะไปประคองท่านทั้งที่รู้ว่าข้าพเจ้าเป็นสตรี
“ ไม่ต้อง ท่านไม่ล้มหรอก ท่านเดินเองได้ ” แล้วท่านก็เดินเข้ามาหาข้าพเจ้า ข้าพเจ้านั่ง
คุกเข่าลงพนมมือลงกราบท่านด้วย ความเป็นห่วง ท่านก็กล่าวต่อว่า “ ตั้งใจปฏิบัติ ”
และท่านก็เอามือของท่านวางไว้เหนือศีรษะของข้าพเจ้า พร้อมกับบริกรรมพระคาถา
“ อิติ สัมมาสัมพุทธัสสะ มะมะ จิตตัง นิมิตจิตติ นิมิตจิตตา นิพพานจิตติ นิพพานจิตตา
ขีณาสวา อนิยตา และนิพพานสุขัง ”
แล้วท่านก็บอกว่า “ ปู่่ไม่ใช่พระ ปู่เป็นฤาษี ปู่เป็นฤาษีนะ ” แล้วท่านก็ยิ้มให้กับข้าพเจ้า
ในใจข้าพเจ้าก็ยังสงสัย และงงอยู่เหมือนกันว่า ทำไมท่านเรียกตัวท่านเองว่าเป็นฤาษี
ทั้งๆที่ท่านก็ไม่ได้ใส่ชุดพระฤาษี แต่ท่านก็ห่มจีวรพระ ในนิมิตข้าพเจ้าก็พยายามจำพระคาถา
ของท่าน แต่พอเมื่อท่านหายไป ก็สะดุ้งตื่น จำได้แค่ “ นิมิตจิตติ นิมิตจิตตา นิพพานจิตติ
นิพพานจิตตา ” อะไรทำนองนี้
รู้ว่าท่านบริกรรมพระคาถายาว แต่ข้าพเจ้าจำได้เพียงเท่านั้นหลังจากนั้นข้าพเจ้าก็สงสัยว่า
ท่านเป็นผู้ใด ก็หาความรู้เพิ่มเติมในเรื่องที่นิมิต แล้วก็พบว่า ในบรรดาพระภิกษุสงฆ์ที่ท่าน
เรียกตัวท่านเองว่า พระฤาษี ก็มีเพียงพระราชพรหมยานเท่านั้น ที่เรียกว่า
“ หลวงพ่อพระฤาษีลิงดำ ” ภาพที่ข้าพเจ้าเห็นท่านเหมือนในนิมิต และพระคาถาที่
ข้าพเจ้าได้ท่องจำเหมือนกับของหลวงพ่อพระฤาษีลิงดำ ซึ่งทำให้ข้าพเจ้ายิ่งมั่นใจ
มากขึ้นว่า คงจะเป็นท่านที่มาสอนสั่งข้าพเจ้าในนิมิตนั้นต่อจากนั้นข้าพเจ้าก็อธิฐานจิต
หากเป็นหลวงพ่อพระฤาษีลิงดำ ท่านได้มาโปรดสอนสั่งลูก ก็ขอให้ข้าพเจ้าได้ชานหมาก
หรือพระธาตุของหลวงพ่อไว้บูชาด้วยเถิด หากข้าพเจ้ามีบุญ
สัมพันธ์กับหลวงพ่อ หลังจากนั้นไม่นานข้าพเจ้าก็ได้ข่าวจากญาติธรรมผู้หนึ่งว่าจะนำ
ท่านมาให้บูชาเป็นชานหมากและเส้นพระเกศาของหลวงพ่อพระฤาษีลิงดำ ข้าพเจ้าได้
ยินข่าวนั้นก็ปลาบปลื้มใจยิ่งนักว่าจะได้บูชาชานหมาก และเส้นพระเกศาของท่าน
ก่อนที่ท่านจะเสด็จมานั้น มีอยู่วันหนึ่งข้าพเจ้าได้ยินเสียง เหมือนท่านมาปลุกให้ตื่น
ท่านบอกว่า “ ตื่นเถอะลูก ตื่นได้แล้ว ” กระซิบอยู่ข้างหูของข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าก็สะดุ้งตื่น
แล้ววันนั้นข้าพเจ้าก็ได้ชานหมากของหลวงพ่อพระฤาษีลิงดำของท่านจำนวน ๓ องค์
พร้อมเส้นพระเกศาของท่าน ๑ เส้น ต่อมาไม่นานก็มีญาติธรรมท่านอื่นส่งชานหมาก
ของท่านมาให้อีก ๑ องค์ แต่ที่หน้าแปลกใจ คือ เมื่อข้าพเจ้าบรรจุท่านใส่ผอบเรียบร้อยแล้ว
เมื่อไม่นานมานี้ ท่านก็เสด็จมาเองอีก ๑ องค์ รวมเป็น ๕ องค์ ข้าพเจ้าจึงเชื่อเรื่อง
นิมิตที่เกิดขึ้นว่าต้องเป็นหลวงพ่อท่าน มาโปรดสอนสั่งข้าพเจ้าในนิมิต และเชื่อในเรื่อง
ของพระอรหันต์ ท่านสามารถเสด็จไปที่ไหนก็ได้ ท่านจะเสด็จไป เมื่อใดก็ได้เหมือนดัง
ชานหมากของท่านที่เสด็จมาเพิ่มกับข้าพเจ้าอีก ๑ องค์
หลังจากนั้น ข้าพเจ้าจึงเกิดความเลื่อมใสใน
หลวงพ่อพระฤาษีลิงดำ ต่อมาไม่นานก็มีญาติธรรม
ที่ไม่ได้เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ท่านนับถือสายสมเด็จองค์ปฐม
และหลวงพ่อพระฤาษีลิงดำ มาสอนข้าพเจ้าฝึกสมาธิสายมโนยิทธิ
ทางโทรศัพท์พร้อมทั้งได้ส่ง พระบรมสารีริกธาตุสมเด็จองค์ปฐม
มาให้บูชาข้าพเจ้า จึงคิดว่าไม่ใช่เรื่องบัญเอิญ เป็นเรื่องที่ได้
สืบต่อมานิิมิตหลวงพ่อ หลังจากนั้นข้าพเจ้าจึงเริ่มฝึกมโนยิทธิ
ตามแนวทางของหลวงพ่อพระฤาษีลิงดำ
หลวงพ่อพระฤาษีลิงดำ ต่อมาไม่นานก็มีญาติธรรม
ที่ไม่ได้เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ท่านนับถือสายสมเด็จองค์ปฐม
และหลวงพ่อพระฤาษีลิงดำ มาสอนข้าพเจ้าฝึกสมาธิสายมโนยิทธิ
ทางโทรศัพท์พร้อมทั้งได้ส่ง พระบรมสารีริกธาตุสมเด็จองค์ปฐม
มาให้บูชาข้าพเจ้า จึงคิดว่าไม่ใช่เรื่องบัญเอิญ เป็นเรื่องที่ได้
สืบต่อมานิิมิตหลวงพ่อ หลังจากนั้นข้าพเจ้าจึงเริ่มฝึกมโนยิทธิ
ตามแนวทางของหลวงพ่อพระฤาษีลิงดำ
หลังจากนั้นข้าพเจ้าก็ได้เริ่มฝึกมโนยิทธิด้วยตัวเอง
ตามคำสอนของอาจารย์ท่านหนึ่งมาสอนไว้
โดยกล่าวอัญเชิญ พระเข้าตัวก่อนฝึกปฏิบัติ
รับแสงทิพย์อริยทรัพย์ด้วยวิํีธีการดังนี้
เพื่อจะได้ฝึกมโนยิทธิได็เร็วขึ้นตามที่
เคยมีผู้แนะนำข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงลองนำมาฝึกและทำตามดังนี้
อัญเชิญพระพุทธเจ้า ๗ พระองค์มาสถิตย์ในกาย
เปลี่ยนคำบริกรรมภาวนา หายใจเข้า
“ นะมะ พะธะ ” หายใจออก “ นะโม พุทธายะ ”
ภาวนาไว้ตลอดเวลา ขณะที่อัญเชิญพระพุทธองค์เข้ากาย
ขออัญเชิญพระวิสุทธิพุทธรังสี ผู้เป็นใหญ่
ในแดนพระนิพพาน มาประทับบนกลางกระหม่อมของข้าพเจ้า
ขออัญเชิญพระพุทธเจ้า สมเด็จองค์ปฐม พระสิขีทศพลที่ ๑
พระพุทธเจ้าองค์แรกของโลก มาประทับที่ระหว่างคิ้วทั้งสองของข้าพเจ้า
จะบังเกิดตาทิพย์ ตาปัญญา ตาใน พุทธจักร พระอุณาโลม
ซึ่งเป็นทางเข้าและทางออกของกระแสจิต ญาณทวาร มโนทวาร
นำทางกลับบ้าน
1 ความคิดเห็น:
สำหรับผู้เริ่มต้นสนใจฝึกแนวมโนยิทธิ
แสดงความคิดเห็น